แนวทางปรับปรุงตัวเอง สลับตัวเองเป็นคนใหม่ด้านใน 5 อาทิตย์ สำหรับผู้ที่กลัวความเคลื่อนไหว
บางเวลา พวกเราต้องการปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น เจริญมากยิ่งขึ้น แม้กระนั้นรู้สึกวิตกกังวล แล้วก็ กลัวที่จะเปลี่ยน เพราะเหตุว่าพวกเราไม่เคยรู้ว่าอนาคตเบื้องหน้าของพวกเรานั้นจะเป็นอย่างใด พวกเราก็เลยจำเป็นต้องมานะรักษาตัวพวกเราให้อยู่ภายในเขตพื้นที่ที่มีความรู้สึกว่าไม่เป็นอันตราย คุ้นชินกับความประพฤติปฏิบัติเป็นต้นว่าเดิมอยู่ตลอด แม้กระนั้นถ้าหากพวกเราอยากผลสรุปที่ไม่เหมือนกับเดิม ปรารถนาความเคลื่อนไหว และก็ปรับปรุงที่ดีขึ้นกว่าเดิม พวกเราจำต้อง “กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง” แต่ว่า แนวทางปรับปรุงตัวเอง ที่เคยอ่านก็ดูเหมือนจะทำเป็นยากอย่างยิ่ง
Goodlifeupdate รู้เรื่องความรู้สึกของผู้ที่ต้องการที่กลับเนื้อกลับตัวให้ดียิ่งขึ้น แม้กระนั้นในเวลาเดียวกัน ก็ยังแอบรู้สึกกลัวความเคลื่อนไหว วันนี้ Goodlifeupdate ก็เลยขอนำเสนอแนวทางดีๆสำหรับในการกลับตัวกลับใจภายในช่วงเวลา 5 อาทิตย์ เพื่อพาตัวเราก้าวผ่านข้อกำหนดของตัวเราเอง แล้วก็เบาๆสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับตัวเราอย่างค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
สลับตัวเองเป็นคนใหม่ข้างใน 5 อาทิตย์
อาทิตย์ที่ 1 เขียนเกี่ยวกับตนเองลงในกระดาษ A4
แบ่งหน้ากระดาษ A4 ออกเป็นสามคอลัมน์ในแนวดิ่ง เช่น
ช่องแรกหมายถึงตัวเราในตอนนี้
เขียนชี้แจงรูปแบบของตนเองในขณะนี้ ดังเช่นว่า อ้วน ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ผมชี้ฟูขาดการบำรุง เป็นสิว ฯลฯ คิดอะไรออกก็เขียนลงไปให้หมด
ช่องลำดับที่สองหมายถึงตัวเราแต่นี้ต่อไป
เขียนสิ่งที่ตรงกันข้ามกับช่องแรกลงในช่องลำดับที่สอง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากพวกเรามีความรู้สึกว่าพวกเราอ้วนเกินความจำเป็น ก็เขียนลงไปว่า “หุ่นดี” ถ้าหากพวกเราคิดว่าพวกเราไม่เก่งภาษาอังกฤษ ก็เขียนลงไปว่า “เก่งภาษาอังกฤษ” แม้พวกเรามีความคิดว่าผมของพวกเราชี้ฟู ขาดการบำรุง ก็เขียนลงไปว่า “ผมงามร่างกายแข็งแรง” แล้วก็ถ้าหากพวกเราเป็นสิว ก็เขียนลงไปว่า “ผิวเรียบเนียน” ฯลฯ
สิ่งจำเป็นของการเขียนช่องลำดับที่สองนี้หมายถึงการได้รับ “ความเชื่อมั่นและมั่นใจ” ว่าพวกเราสามารถ “เปลี่ยน” ได้ และก็ถ้าเกิดพวกเราสามารถที่จะกลับเนื้อกลับตัวได้ ในอนาคต ไม่ว่าพวกเราจะต้องการสลับตัวเองไปในแนวทางไหน ก็สามารถทำเป็นทั้งหมด โดยเริ่มจากการเปลี่ยนตัวของพวกเราเองซะก่อน
ช่องลำดับที่สามหมายถึงแนวทางการที่จะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ดังเช่น หากพวกเราต้องการมีรูปร่างที่ดียิ่งขึ้น พวกเราจะต้องเริ่มบริหารร่างกาย หรือ สมัครฟิตเนส
ถ้าเกิดต้องการเก่งภาษาอังกฤษ ก็จำต้องฝึกหัดท่องคำศัพท์ อ่านข่าวสารภาษาอังกฤษ บ่อยๆทุกวี่วัน
สิ่งจำเป็นไม่ใช่แค่ระบุว่า “ตัวเราต่อจากนี้เป็นต้นไป” เป็นอย่างไร แต่ว่าพวกเราจำต้องเขียน “ความประพฤติปฏิบัติ” ที่จะนำมาซึ่งจุดมุ่งหมายนั้นให้ได้ด้วย
เอาง่ายๆเป็น พากเพียรทำให้เป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม แล้วก็ให้รายละเอียดไปถึงระดับที่ควรจะเริ่มทำอะไรสักอย่างได้โดยทันที
โดยกระบวนการที่จะส่งผลให้เกิดการกระทำนั้น ไม่ใช่เพียงแค่การเขียนพูดว่าจำต้องทำอะไรแบบอย่างคร่าวๆแค่นั้น แต่ว่าพวกเราจำต้องเรียนอย่างครบถ้วนถึงกรรมวิธีที่จะทำให้พวกเราทำจุดมุ่งหมายให้เสร็จได้จริงๆอย่างเช่น หากพวกเราต้องการมีรูปที่ดี ไม่ใช่เพียงแค่บอกตนเองให้ไปบริหารร่างกาย แม้กระนั้นพวกเรายังควรจะมีการกินอาหารให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ บริหารร่างกายอย่างถูกทาง ในจำนวนที่สมควร อีกด้วย
การศึกษาค้นคว้าวิจัย เล่าเรียน หาข้อมูลว่า “จำเป็นต้องทำยังไง” ก็เลยจะเป็นอย่างนั้นได้ ก็เป็นแนวทางหนึ่งสำหรับเพื่อการสร้างการกระทำที่เป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม
เมื่อพวกเรากรอกเนื้อหาลงในช่องทั้งยัง 3 ช่องครบแล้ว ขั้นตอนถัดมาเป็น “ลงมือกระทำ”
สมองรวมทั้งร่างกายมนุษย์ชิงชังความเคลื่อนไหวถ้าเกิดปลดปล่อยไว้แล้วมีความรู้สึกว่า “เอาไว้ค่อยทำ” หรือ “วันใดวันหนึ่งค่อยเริ่ม” สิ่งที่พวกเราตั้งความมุ่งหมายเอาไว้นั้นก็จะไม่เป็นผลสำเร็จสักครั้ง
ภายหลังที่พวกเราเจาะจงช่องที่ 1 แล้วก็ 2 ได้แล้ว ทดลองคิดหาวิธีการที่จะทำให้พวกเราเปลี่ยนแปลงจากช่องที่ 1 มาเป็นช่องที่ 2
อาทิตย์ที่ 2 บันทึกของใหม่
เมื่อมาถึงอาทิตย์ที่ 2 พวกเราคงจะเริ่มมองเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวเรา ตลอด 1 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาบ้างแล้ว ในอาทิตย์นี้ พวกเราจะสร้างความแปลงให้กับตัวเรามากยิ่งขึ้นด้วยการเริ่มทำการกระทำ “ใหม่ๆ” แต่ละวัน วันละอย่างต่ำ 3 อย่าง ดังเช่น การตื่นให้ยามเช้าขึ้น การทดลองสั่งเมนูอาหารที่ไม่เคยสั่งมาก่อน แล้วก็การทดลองคุยทักผู้ที่ไม่เคยคุยด้วยมาก่อน ฯลฯ
จัดบันทึกของใหม่ที่เกิดขึ้นในทุกวัน แม้ว่าจะเกิดเรื่องนิดหน่อย แม้กระนั้นการได้ลงมือกระทำ ก็นับว่าเป็นการบรรลุผลแล้ว โดยการบันทึกของใหม่นั้น เชื่อมโยงกับความประพฤติของพวกเราด้วย เพราะว่าเมื่อพวกเราปรารถนาที่จะเขียนบันทึกของใหม่ให้ได้ทุกวี่ทุกวัน พวกเราก็จำต้องมานะทำของใหม่อยู่เป็นประจำ เป็นเสมือนความท้าแล้วก็จุดมุ่งหมายในวันแล้ววันเล่าของพวกเรา
อาทิตย์ที่ 3 ความยุ่งยากเป็นสัญญาณของการเริ่มลงมือกระทำ
มองเห็นใบเสร็จรับเงินค่าใช้สอยเยอะมาก แล้วรู้สึกยุ่งยาก วิตกกังวลใจขี้คร้านไปจ่ายและชำระหนี้
มองเห็นงานกองเป็นตั้ง แล้วรู้สึกเหนื่อยหน่าย ไม่ต้องการทำ
มองเห็นงานยากๆแล้วพลังใจลดน้อย ไม่ต้องการที่จะอยากลงมือกระทำ
มองเห็นเครื่องบริหารร่างกาย แล้วเกียจคร้านเกินกว่าจะลุกไปออกแรง
ถ้าหากพวกเราต้องการกระเป๋านขึ้นที่ดียิ่งขึ้น นอกเหนือจากการทำสิ่งที่ดีต่อตัวพวกเราเองแล้ว พวกเราจำเป็นต้องแปลงความประพฤติปฏิบัติที่ดีพวกนั้นให้เป็น “นิสัย” อีกด้วย
เทคนิคเป็น เมื่อพวกเรารู้สึก “ยุ่งยาก” เมื่อใด ให้ลงมือจัดการกับปัญหานั้นโดยทันที!
แปลง “ความรู้สึกยุ่งยาก” ให้เปลี่ยนเป็น “สัญญาณ” เริ่มลงมือกระทำ
ตัวอย่างเช่น เมื่อพวกเรามีความคิดว่าพวกเรามีใบเสร็จรับเงินรายจ่ายมากจนเกินไปแล้ว อย่ารอคอยช้า รีบไปจ่ายในทันที
ถ้าพวกเรามีถ้วยชามที่ยังมิได้ล้างกองเต็มอ่างล้างถ้วยชาม รีบชำระล้างโดยทันที
ถ้าพวกเรามีงานกองโตที่รอคอยให้ทำ อย่าคอยให้ถึงเวลาส่งแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยรีบทำ รีบทำเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย
เมื่อทำแบบนี้ไปเรื่อยเสมอๆ พวกเราก็จะเคยตัว รวมทั้งช่วยทำให้เลิกนิสัยผลัดวันไปเรื่อยๆได้อีกด้วย
อาทิตย์ที่ 4 ทดลองทำเรื่องที่ “น่าอับอาย” สุดๆ
ทดลองพาตัวเราออกมาจาก Comfort Zone ด้วยการทดลองทำอะไรที่พวกเรามีความรู้สึกว่า “น่าอัปยศอดสู” ดูบ้าง ดังเช่น การพูดทักคนที่ไม่รู้จัก การทักผู้ที่เจอกันในลิฟท์ ฯลฯ เมื่อพวกเราคุ้นชินกับความเขินอาย ความ “กลัวความเคลื่อนไหว” ของพวกเราก็จะหายไป นอกเหนือจากนั้นการฝึกหัด “ความทรหดอดทน” ต่อความรู้สึกประหม่านั้น ก็ยังสามารถช่วยบ่มนิสัยจิตใจของพวกเราได้อีกด้วย
อาทิตย์ที่ 5 ใช้ประโยชน์จากศัตรู
ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา พวกเราบางทีอาจเลี่ยงการพูดคุยกันกับผู้ที่พวกเราเกลียด ผู้ที่พวกเรารู้สึกไม่สนิทจิตใจ แม้กระนั้นในความเป็นจริงแล้ว แม้พวกเราทดลองคุยกับพวกเราผิด หรือเปล่าถูกใจมอง พวกเราบางทีอาจจะเจอจุดเด่น หรือ ค่าที่ซ๋อนอยู่ สามารถทำความเข้าใจจากผู้ที่พวกเรารังเกียจ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากสิ่งที่พวกเราได้ศึกษานั้นได้
ดังเช่น สหายร่วมงานที่สนิทกับหัวหน้า แล้วก็เป็นลูกรักของหัวหน้าจนกระทั่งน่าชังน้ำหน้า พวกเราบางทีอาจรู้สึกไม่ต้องการที่จะอยากสนทนากับเขา เนื่องจากว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเรา แม้กระนั้นหากพวกเราทดลองดูพฤติกรรมของเขามอง พวกเราบางทีอาจจะศึกษาและทำการค้นพบกรรมวิธีที่ทำให้เขากระเป๋านที่รักของหัวหน้า ทำความเข้าใจ จำ แล้วก็เอามาประยุกต์ให้เหมาะสมกับตัวเราได้ ฉะนั้น ใครกันแน่ที่ไม่ต้องการที่จะอยากคุย ยิ่งจำต้องคุย